กรอบพระทองคำ 90% ทำไมตอนขายไม่ใช่ทอง 90% ที่นี่..มีคำตอบ!

 ปัญหาของกรอบพระทองคำ 90% นี่มีมานานแล้วนะครับ ถกเถียงกันไม่รู้จักจบจักสิ้น มีปัญหาตั้งแต่ขั้นตอนสั่งทำ ยันไปจนถึงตอนขาย ลองมาดูปัญหากันครับ ว่ามันเกิดจากตรงไหน บทความนี้จะเน้นมุมมองเพื่อประโยชน์ในมุมผู้บริโภคล้วนๆเลยนะครับ

 ตั้งคำถามก่อนนะ "ทำไมกรอบพระทองคำ เวลาซื้อ หรือสั่งทำเป็นทอง 90% แต่ทำไมตอนเวลาตอนไปขาย ไม่ยักกะเห็นมีใครกล้ารับซื้อเป็นทอง 90% ซักคน" จริงไหม? คำถามนี้มันจี๊ดเลยนะครับ แทงคำถามกันแบบตรงประเด็นไปเลยละกัน

 ลองไล่ขั้นตอนตั้งแต่ลำดับแรกเลยนะครับ จะได้รู้ว่าเกิดปัญหาที่ช่วงไหนบ้าง
1. ตั้งหลัก เวลาเราจะนำพระไปเลี่ยมกรอบ เราต้องเตรียมยอดเงินที่เราจะทำไว้เป็นตัวตั้งก่อนนะครับ คิดไว้เลยว่าจะเอางบอยู่ที่เท่าไร 3,000 / 5,000 หรือเลยหลักหมื่นไปเลย ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของพระที่นำไปเลี่ยมกรอบทอง และจำนวนเงินของแต่ละคน

2. สั่งเลี่ยม ขั้นตอนนี้เราต้องหาร้านที่จะมารับงานเรา แล้วร้านไหนบ้างที่รับเลี่ยมกรอบพระทองคำ...? โดยส่วนใหญ่แล้วทางเลือกแรกที่คุณจะเดินเข้าไปหา ก็ไม่พ้นร้านทอง ถูกต้องไหมครับ..? เนื่องด้วยสะดวก และใก้ลตัวมากที่สุด ซึ่งน่าเชื่อถือในการฝากงานไว้ ก็ลองมองหาร้านที่มีแบบกรอบพระทองคำให้เลือกมากหน่อย จะได้สะดวก และประหยัดเวลา

 คุณมี 2ทางเลือก ในการเลี่ยมกรอบพระทอง
3.1. เลือกแบบเอาจากกรอบพระทองสำเร็จรูป ตามร้านทองใหญ่ๆ จะมีกรอบทอง 90% สำเร็จรูปไว้ให้คุณเลือกเยอะมากกว่าร้านเล็กๆ ซึ่งในกรณีนี้คุณสามารถนั่งรอรับกลับได้เลย

3.2. สั่งทำกรอบทองใหม่ หากพระของคุณมีรูปทรงแปลกจากมาตรฐาน เช่นมีเหลี่ยมมุมเยอะ หรือในกรณีที่คุณไม่ถูกใจกรอบพระสำเร็จรูป อยากได้ตามแบบที่คุณคิดเอง ก็สามารถสั่งทำขึ้นใหม่ได้

 ฮึๆ ....เหมือนจะเจอคำตอบ กับคำถามที่เราตั้งไว้แล้วนะครับ "ทำไมกรอบพระทองคำ เวลาซื้อ หรือสั่งทำเป็นทอง 90% แต่ทำไมตอนเวลาตอนไปขาย ไม่ยักกะเห็นมีใครกล้ารับซื้อที่ 90% ซักคน" ถ้ามันจะพลาด มันต้องพลาดกันที่ตอนสั่งทำนี่แหละ 

 กรอบพระทองสำเร็จรูปที่วางขายกันอยู่ ส่วนใหญ่ไม่ถึง 90% หรอกครับ เอาแบบมาตรฐานเต็มที่ๆ เลยนะครับอยู่ที่ประมาณ 75-80% ก็หรูแล้วครับ คำถามก็คือแล้วทำไมถึงไม่ทำกรอบพระทอง 90% เต็ม ออกมาวางขาย " (ความเห็นส่วนตัว) อาจจะเพราะว่าช่วงกำไรในการทำกรอบพระทอง 90% มันน้อยครับ (ซึ่งมันก็น้อยจริงๆนั่นแหละ) ต้องซื้อผ่านหน้าร้าน ---> หน้าร้านสั่งงานช่างทอง ชั่งทองก็ต้องกินเปอร์เซนต์อีกต่อ "

 ผมเชื่อเลยนะครับ ผู้บริโภคมักคิดกันแบบนี้ ช่วยเอากรอบพระทอง 90% จริงๆมาขายกูเลย แล้วจะบวกราคาเท่าไร กูก็ไม่ว่า ขอให้ทำมาเถอะ 555+ คิดแบบนี้เหมือนกันใช่ไหมครับ

 แต่กรอบพระทอง 90% เต็ม ก็ไม่ใช่จะไม่มีนะครับ ตามร้านช่างทองใหญ่ๆ ที่รับสั่งทำ ก็รับงานพวกนี้อยู่ แต่ราคามันก็ต้องแพง และสูงขึ้นไปตามลำดับ ที่สำคัญมันก็ต้องใช้เวลารอผลิต ราคาก็สูง ซึ่งอาจจะไม่ทันใจผู้ชอบความรวดเร็ว ดังนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคอย่างคุณๆ จะเลือกเอาครับ

 หากอยากได้กรอบพระทองคำแบบรวดเร็ว วันเดียวได้เลย มีแบบให้เลือกมาก ราคาถูก คุณก็ต้องยอมรับ และเข้าใจกับสิ่งที่จะได้รับ

 หรือหากอยากได้กรอบพระทอง 90% แบบเปอร์เซนต์เต็มๆ คุณก็ต้องรอผลิต ราคาสูง แถมตอนขายไม่รู้ว่าร้านรับซื้อจะเชื่อคุณรึเปล่าว่าทอง 90% เต็ม เพราะเขาก็เคยๆเจอมาแบบ 75-80% ทั้งนั้น อันนี้ต้องเลือกเอาเองครับ

  สรุปว่าเคลียร์นะครับ หากยังงงสงสัยจุดไหน เชิญโทรมาเช็คราคากรอบพระทองคำ หรือสอบถามได้ตลอด หรือใครอยากตรวจเช็คทอง ขายทอง ขายกรอบพระทองคำ ผมก็รับซื้อกรอบพระทองคำนะครับ เชิญได้ที่ร้านเลย หรือโทรมาสอบถามก่อนที่ 081-408-8263 (เข้มครับ) 

ถ้ายังอ่านไม่จุใจ ลองตามไปอ่านบทความทอง 90% ที่ผมเคยเขียนไว้ได้เลยครับ คลิ๊ก

บบทความโดย เข้ม Siamgoldsilver

เทคนิควิธีขายทองให้ได้ราคา ไม่อยากเป็น “หมู” ต้องอ่านเท่านั้น

สมมุติว่าคุณมีทองที่ต้องการจะขาย จะเป็นสร้อยคอทอง แหวนทอง อะไรก็ว่าไป อยากจะขายให้ได้ราคา ไม่ถูกหลอกทำยังไงตามมาดู

1. สิ่งแรกที่คุณต้องรู้ให้ได้ก็คือ ทองที่ถืออยู่ในมือคุณ มันเป็นทองอะไร? เปอร์เซนต์อะไร? สำคัญเลยนะจุดนี้ บางคนนำทองมาขาย ยังไม่รู้เลยว่าเป็นทองอะไร ถ้าเกิดเจอผู้ซื้อที่มองอาการเราออก แล้วเขาตั้งใจจะเชือดนิ่มเรานี่แย่เลยนะครับ ลองคิดดูอาจจะถึงขนาดชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ บอกดี ไม่ดี ได้ราคาเท่านี้ เราก็ได้แต่ยืนพยักหน้าอย่างเดียว ผมพูดถูกไหม?

2. คำถามต่อมา แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าทองของเราเป็นทองอะไร ขั้นแรกให้ลองมาหาโค๊ด หรือตราแสตมป์บนตัวเรือนก่อน ถ้าเป็นทองส่วนใหญ่แล้วจะต้องมีตราแสตมป์ยกตัวอย่าง 24k, 22k, 18k, 14k, 10k หรือตัวเลข 999, 965, 916, 90%, 750, 585, 417, 333 มีอีกเยอะลองอ่านบทความเก่าๆผมดู คลิ๊ก พอรู้ตัวเลขแล้วก็ต้องหาความหมายของมัน จะบอกให้รู้ไว้เลยนะครับ จะซื้อจะขายอะไรควรที่จะหาความรู้ประดับไว้ มีแต่ได้กับได้ ฟันธง!

3. เอาตราแสตมป์มาเทียบได้เลย จะได้รู้ว่าทองของเราคือทองอะไร เปอร์เซนต์ทองอะไร
8K, 8ct หรือ 333 จะมีทองอยู่ 33.3%
9K, 9ct หรือ 375 จะมีทองอยู่ 37.5%
10K, 10ct or 416 จะมีทองอยู่ 41.6%
12K, 12ct or 500 จะมีทองอยู่ 50%
14K, 14ct or 585 จะมีทองอยู่ 58.5%
15K, 15ct or 625 จะมีทองอยู่ 62.5 %
18K, 18ct or 750 จะมีทองอยู่ 75%
22K, 22ct or 916 จะมีทองอยู่ 91.6%
24K, 24ct or 1000 จะมีทองอยู่ 99.9% หรือ ทองคำบริสุทธิ์
***ในไทยจะมีตัวเลข 96.5%  และ 90% ***

4. ตอนนี้คุณจะพอรู้ข้อมูลทองของคุณบ้างแล้ว แต่จะเป็นของจริงหรือปลอมนั้นอีกเรื่องนึง ซึ่งคุณไม่สามารถดูว่าเป็นทองจริงหรือทองปลอมได้เองด้วยตาเปล่าแน่ๆ ขั้นตอนต่อไปก็คือต้องหาคนที่จะมาดูทองให้ และรับซื้อทองของคุณ สิ่งที่คุณสนใจที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่อง “ราคารับซื้อที่สูงที่สุด” ผมพูดถูกไหม?

5. แหล่งการสอบถามราคา และหาผู้เชี่ยวชาญดูให้แบบง่ายๆมีดังนี้
- ร้านทองใก้ลบ้าน ให้เขาดูให้ และถามราคามาเพื่อเปรียบเทียบ  ***มีบางคนกลัวไม่กล้าเข้า เพราะไม่รู้ว่าจะเป็นทองจริงหรือทองปลอม***
- เคยคุยกับลูกค้าคนนึง เขาบอกเอาไปให้ร้านทองในห้างดูให้ แล้วก็สอบถามราคามาเลย มีเสียค่าบริการนิดหน่อย
- โรงจำนำ ยื่นทองให้หลงจู้ดูเลยครับ ทองจริงหรือทองปลอมเดี๋ยวก็รู้
- โทรสอบถามราคาจากร้านรับซื้อต่างๆ ใน internet ต่างๆ เรามีข้อมูลแล้วว่าทองของเราคืออะไร ก็บอกเขาไปเพื่อขอราคา

*** สิ่งที่รู้สึกแย่สำหรับผู้ขายที่สุดคือ การเปิดราคารับซื้อที่สูงเวลาโทรไปถามราคา แต่พอเดินทางไปขายให้จริงๆ ตินู้น ตินี้ หักนู้น หักนี้ จะขายหรือไม่ขาย บางคนก็ต้องขายไป ก็เดินทางมาแล้วนี่ โบราณเขาว่าผีถึงป่าช้า ดังนั้นการให้ราคาสูงอย่างเดียวคงไม่พอ ผู้ขายควรดูหลายๆอย่างประกอบไปด้วยครับ***

6. ตอนไปขายก็บอกเขาไปว่าเป็นทองอะไร ตามที่เราหาข้อมูลมา เพื่อแสดงออกว่าเรามีความรู้นะ ไม่ได้เป็นหมูนะเฟ้ย ถ้าคิดจะหลอกบอกเลยไม่ง่าย

7. เราไม่รู้หลอกครับว่าใครจะจริงใจกับเราบ้าง ไม่โกงหรือหลอกเรา ดังนั้นเรื่องน้ำหนักทองที่นำไปขายสำคัญมากๆ ควรจะพอรู้น้ำหนักทองไปคร่าวๆ หรือถ้าไมรู้เลย ให้หาตราชั่งดิจิตอลชั่งน้ำหนักก่อนไปขาย ถ้าโดนโกงน้ำหนักไปซัก 2-3กรัมก็เสียหายเป็น 1,000บาทแล้วครับ

วิธีที่ผมกล่าวมาทั้งหมดข้างต้น เสมือนเป็นการบอกให้คุณหาความรู้ สอบถามราคา และหาผู้ซื้อที่เชื่อถือได้ก่อนที่จะนำทองไปขาย เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะบางคนขายไปโดยไม่รู้ พอกลับมานั่งคิดดีๆ เอ๊ะ..นี่เราโดนหลอกไปรึเปล่า…มันสายไปแล้วครับ และผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านบางคนมาเจอบทความนี้ช้าไป เพราะขายไปแล้วก็มี…เอิ๊กๆๆ

บทความโดย เข้ม
Siamgoldsilver.com

รับซื้อกรอบพระทองคำ ราคาเท่าไร ซื้อขายยังไง เข้ามาอ่านสิผมจะเล่าให้ฟัง

ถ้าคุณคือคนนึงที่กำลังต้องการขายกรอบพระทองคำ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผมถือว่าคุณมา “ถูกทาง” แล้วครับ ถูกทางนี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องนำกรอบพระทองคำมาขายที่ผมนะ ผมไม่ทำแบบนั้นแน่ ที่จะยกหางตัวเอง แล้วบอกว่ามาขายที่ร้านผมสิดีที่สุด ลืมไปได้เลยคำพูดแบบนี้ เพราะทุกครั้งที่ผมเขียนบทความ ผมจะพยายามเน้นให้ความรู้ตลอด

  ใช่ครับ “ถูกทาง” ของผมหมายความรู้เกี่ยวกับสิ่งๆนั้นที่คุณกำลังจะขาย คุณโชคดีกว่าใครหลายคนที่ไม่ได้อ่าน แล้วนำกรอบพระทองคำไปขาย แบบไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ราคารับซื้อกรอบพระทองคำเป็นยังไง เขารับซื้อกันยังไง ดูยังไง ซึ่งถ้าคุณไม่รู้ว่าของที่เราจะขายคืออะไร ราคาเท่าไร และถ้าโชคร้ายเจอผู้รับซื้อที่เป็นเสือ ผมบอกได้คำเดียวเลยครับ คุณจะเป็นสมันน้อย ให้เสือขย้ำเล่นแน่ๆ นี่ไงครับผมถึงบอกว่าคุณโชคดี ที่เข้ามาอ่าน

  กรอบพระทองคำที่ผมเจอส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกรอบพระทองคำ 90% มีให้เกลื่อนตลาดเลยครับกรอบพระทองประเภทนี้ ส่วนใหญ่งานทองสั่งทำ ช่างทองจะทำงานทอง 90% เกือบทั้งนั้น ยกเว้นเสียแต่ลูกค้าต้องการกำหนดเอง ประเด็นมันอยู่ตรงที่ ตอนสั่งทำมาเป็นทอง 90% แต่ทำไมตอนจะขาย คนรับซื้อไม่ดันยอมซื้อเป็นทอง 90%

  ตราประทับ 90% ที่การันตีอยู่บนกรอบพระทองคำ คุณเชื่อหรอว่ามันมีทองอยู่ในนั้น 90% จริง? ที่ต้องเล่าถึงเรื่องนี้เพราะมันเป็นเรื่องซีเรียสเลยนะครับ ลูกค้าบางคนนำกรอบพระทองคำมาขาย ผมบอกว่าไม่ใช่ทอง 90%นะครับ เปอร์เซนต์ทองมันต่ำกว่านั้น บางคนอธิบายแล้วเข้าใจก็โอเคไป แต่ลูกค้าบางคนไม่เข้าใจถึงกับควักใบเสร็จตอนสั่งทำออกมายันกับผมให้ดูเลยนะครับ นี่ไงตอนสั่งทำกรอบพระทองคำ ก็เขียนกำกับอยู่ว่าทอง 90% มันจะไม่ใช่ได้ยังไง ตอนจ่ายตังก็จ่ายไปในราคาทอง 90% ด้วยซ้ำ ผมบอกเลยถ้าพี่ไม่เชื่อผม พี่ลองกลับไปขายเขาดูสิครับ เขากล้าซื้อพี่ในราคาทอง 90% ไหม เอ้า…ลองดู

  ดังนั้นผมสรุปสั้นๆว่า ถ้ากรอบพระทองคำของคุณเป็นทอง 90% ให้คุณชะลันลาลันล่าใจของคุณไว้ก่อนเลยว่า มันอาจจะไม่ถึง 90% อาจจะอยู่ประมาณ 68%-90% ก็เป็นได้ ดังนั้นสัดส่วนราคาก็จะลดหลั่นไปตามเปอร์เซนต์ทอง ถ้าถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ก็คงเพราะมาตรฐานของช่างทองแต่ละคนมันต่างกัน

  ส่วนเรื่องวิธีการนำไปขาย ขายยังไงไม่ให้โดนหลอก ขายยังไงให้ได้ราคา ผมจะแนะเคล็ดลับให้เลยนะครับ เหลี่ยมเทคนิคพวกนี้ผมได้มาจากลูกค้าที่นำทองมาขายผมทั้งนั้นแหละ ไม่รักจริงผมไม่เล่าให้ฟังนะฮ๊าฟ…^_^

  1. ทำให้รู้ กูไม่โง่  เอาเลยครับ…ตอนนำทองไปขาย ชวนผู้รับซื้อคุยถึงเรื่องทองไปเลย ยกตัวอย่างถ้าไปขายกรอบพระทองคำ คุยโม้ไปเลยว่าไปขายมาแล้วหลายเจ้า กดราคาพี่ฉิบเลยวะ ทองพี่ก็เปอร์เซนต์สูง ให้ราคาอย่างกับทองม้วนเลย แล้วก็ทำเป็นพูดเรื่องความรู้เกี่ยวกับทองไปเลย ให้ผู้รับซื้อเห็นว่า “กูไม่หมูนะ” แต่พูดเอาพอประมาณนะ นิดๆหน่อยๆพอ อย่าเยอะ

  2. กูรู้นะ น้ำหนักเท่าไร เอาเลยครับ…เอ่ยปากบอกไปก่อนเลยว่า เราพอรู้น้ำหนักคร่าวๆ เพราะเอาไปช่างน้ำหนักมาแล้ว (555+ แต่คุณไม่รู้) พูดดักคอไว้ก่อนเลย กันพวกซื้อ-ขายตราชั่งไม่เที่ยงตรง

  3. ติดบวก ต่อรองราคาไปเลยครับ ปัดเศษ+ไปนิดๆหน่อย สมมุติว่าจบราคาที่ 9,900บาท เอาเลยครับ…บอกไปเลยพี่ขอหมื่นถ้วนละกัน ขอดูใจน้องเลย กล้าพูดไปเลยครับ ถ้าผู้ซื้อให้ก็เป็นกำไรเราไป 

  เอาละ….คุณเอาอาวุธความรู้เบื้องต้นติดตัวไปพอ ลองนำไปใช้กัน จริงๆเหลี่ยมเทคนิคการซื้อ-ขายมีอีกเยอะ ถ้าคุณมองหาผู้รับซื้อทองของคุณอยู่ ผมขอแค่เป็นตัวเลือกนึงในการตัดสินใจของคุณพอ โทรมาเช็คราคา หรือสอบถามได้ตลอด หรือใครอยากตรวจเช็คทอง ขายทอง ขายกรอบพระทองคำ ผมก็รับซื้อนะครับ เชิญได้ที่ร้านเลย หรือโทรมาสอบถามก่อนที่ 081-408-8263 (เข้มครับ) 

ถ้ายังอ่านไม่จุใจ ลองตามไปอ่านบทความทอง 90% ที่ผมเคยเขียนไว้ได้เลยครับ คลิ๊ก

บบทความโดย เข้ม Siamgoldsilver